แม่ค้ามือใหม่ที่เริ่มต้นขายของผ่านการสร้างเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเอง ที่ยังต้องเรียนรู้การทำธุรกิจออนไลน์อยู่ทุกๆวัน บทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาธุรกิจออนไลน์ของคุณได้ ซึ่งเราได้รวบรวมข้อผิดพลาดทั่วไปที่มักเกิดขึ้นกับผู้เริ่มต้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และจะบอกถึงเคล็ดลับบางประการเพื่อช่วยให้แม่ค้าออนไลน์หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านั้นไม่ให้เกิดขึ้น!
เตือนใจข้อที่ 1 : อย่าคิดว่าจะมีลูกค้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ร้านของคุณเองโดยอัตโนมัติ
การขายของออนไลน์ไม่ได้เหมือนการเปิดหน้าร้านค้าที่จะมีผู้คนเข้ามาพบเห็นร้านเราง่ายๆเพียงแค่เดินผ่านไปมา แต่ในความเป็นจริงการเปิดร้านค้าออนไลน์ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากเพื่อให้มีลูกค้ามาเข้าชมร้านค้าของคุณ แต่ไม่ต้องกังวลมากเกินไป เพราะจะมีลูกค้ามาเข้าชมร้านค้าออนไลน์ของคุณแน่ๆ แค่ไม่ใช่ในทันทีที่สร้างร้านเสร็จเท่านั้น
ลองคิดภาพถึงการเดินทางของลูกค้า ถ้าเป็นตัวคุณเอง หากคุณกำลังพยายามค้นหาและซื้อสินค้าทางออนไลน์ คุณจะทำอะไรก่อนเป็นสิ่งแรก?
คุณอาจเสิร์ชผ่าน Google พิมพ์ชื่อสินค้าหรือชนิดสินค้านั้นๆ ซึ่งคุณอาจจจะเคยเห็นหรือเคยได้ยินผ่านทางโฆษณา โดยผลการค้นค้าจะนำคุณเข้าไปในเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ที่คุณกำลังมองหาเพื่อซื้อสินค้านั้นๆ ซึ่งขั้นตอนต่างๆเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ร้านค้านั้นต้องมีแรงกระตุ้นจากการโฆษณาที่ดึงดูดให้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ในลำดับต่อไปผ่านการค้นหา ดังนั้นการโปรโมทเว็บไซต์ผ่านช่องทางการโฆษณาอื่นๆควบไปด้วยจึงเป็นเรื่องสำคัญ คุณควรสร้างแบรนด์ของคุณให้เป็นที่จดจำและวางแผนการโปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์อื่นๆควบไปด้วย
เตือนใจข้อที่ 2 : อย่ายอมแพ้อย่างง่ายดายให้กับการทำการตลาดในโลกอีคอมเมิร์ซ
การเรียนรู้ถึงความสำคัญของการโฆษณาผ่านโลกออนไลน์เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่อีกประเด็นสำคัญที่ต้องพูดถึงและเป็นส่วนที่ร้านค้าออนไลน์มือใหม่มักหลงลืมและขายการวางแผนมากที่สุด
“การไม่ใส่ใจในการวางแผนกลยุทธ์การโฆษณาทั้งในแง่ของเนื้อหา เวลา การลงแรงและตัวเงิน”
คุณอาจจะต้องวางแผนการทำการตลาดที่แม่นยำและใช้เวลากับมันมากพอ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณ รวมทั้งทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักไม่ว่าจะเป็น SEO, โฆษณาบน Facebook, รีมาร์เก็ตติ้งของ Google ซึ่งการทำการตลาดผ่านช่องทางเหล่านี้ต้องการการวางแผน คิดวิเคราะห์ผลลัพธ์ ประมวลผลการดำเนินการ และเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องด้วยตัวของคุณเอง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่ากับการลงทุน
ตัวอย่างคำถามที่สำคัญคือ ถ้าคุณโฆษณาบน Facebook ครั้งแรกแล้วผลลัพธ์ไม่ออกมาอย่างที่คาดคิดไว้ คุณควรเลิกทำหรือไม่?
คำตอบคือ… ไม่
เพราะอะไร? ก่อนอื่นคุณต้องถามตัวเองก่อนว่าอะไรคือ “สิ่งที่คุณคาดหวัง” ซึ่งอาจจะเป็นการที่ลงโฆษณาแล้วขายสินค้าได้ แต่กลับกลายเป็นว่าคุณยิงแอดไปแล้วขายสินค้าไม่ได้เลย ผลลัพธ์นี้อาจเกิดขึ้นเพราะะมีคนเข้ามาเยี่ยมชมร้านค้าออนไลน์ของคุณมากขึ้น แต่เนื้อหาการนำเสนอสินค้าและประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่คุณนำเสนอนั้นไม่น่าดึงดูดเพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะซื้อสินค้าสิ่งหล่านี้คือสิ่งที่คุณต้องวิเคราะห์ให้ออกเพื่อวางแผนการปรับปรุงและพัฒนาให้เกิดผลลัพธ์ตามที่คุณคาดหวังไว้
และใช่! กระบวนการเรียนรู้เหล่านี้ต้องการการทดลอง เงินทุน เวลาและการลงเเรงใจ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีให้ได้ ดังนั้นอย่าลืมวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดในระยะสั้นและระยะยาว จักลำดับความสำคัญของช่องทางการโฆษณา วิเคราะห์ ปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอและเชื่อมั่นในผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งการทดลองเหล่านี้จะช่วยให้คุณมองเห็นช่องทางที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
เตือนใจข้อที่ 3 : ไม่ใช้เครื่องมือสำหรับการทำ Remarketing เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าเก่า
อัตราส่วนของ Conversion หรือผลลัพธ์ที่ได้กลับมาของร้านค้าออนไลน์ที่ดีโดยทั่วไปมีอัตราส่วนอยู่ที่ 1-2% หมายความว่าลูกค้าทุกๆ 100 คนที่เข้ามาดูเว็บไซต์ร้านออนไลน์ จะมีลูกค้า 1 หรือ 2 คนที่กดสั่งซื้อ และอีก 90 กว่าคนที่เหลือจะกลับออกไปมือเปล่า
การทำการตลาดแบบ Remarketing สามารถทำผ่านช่องทางการโฆษณาได้มากมายเช่น การตลาดผ่านเครื่องมือค้นหารหรือ Google Search, การโฆษณาบน Facebook, เครือข่ายดิสเพลย์ของ Google และอื่นๆ
เครื่องมือการทำการตลาดแบบ Remarketing นั้น ออกแบบมาเพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถเข้าถึงลูกค้า 98% เหล่านั้นที่ยังไม่ซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ของคุณทันที แต่หากคุณนำเสนอสินค้าของคุณอีกครั้งผ่านการทำ Remarketing ในอนาคตก็มีโอกาสที่ลูกค้ากลุ่มนั้นจะกลับมาที่เว็บไซต์สินค้าของคุณและซื้อสินค้าของคุณได้
ตัวอย่างของการกำหนดเป้าหมายใหม่ของ Facebook:
การทำการตลาดแบบ Remarketing ของ Facebook นั้นต้องติดตั้ง Facebook pixel และเชื่อมต่อ API ผ่านเว็บไซต์เพื่อให้ Facebook สามารถจดจำลูกค้าที่เข้ามาดูเว็บไซต์คุณได้ แค่ฟังแล้วก็ดูยุ่งยาก ว่าเราจะติดยังไง
SHOPLINE เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ที่ให้คุณจัดการเองได้อย่างง่ายๆ ด้วยการติด Facebook Pixel ผ่านเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของคุณที่สร้างด้วย SHOPLINE ได้ใน 3 นาที อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วิธีสร้างโฆษณา Remarketing ใน Facebook เพื่อยิง Ads หาคนที่เข้าเว็บไซต์ร้านค้า SHOPLINE ของคุณ
เตือนใจข้อที่ 4 : ลืมใช้งาน Google Analytics !
Google Analytics เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ร้านค้าออนไลน์เล็กๆพึ่งเริ่มต้นควรเรียนรู้ มันช่วยให้คุณสามารถติดตามพฤติกรรมของลูกค้าบนเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้คุณได้เรียนรู้และพัฒนาประสิทธิภาพการทำเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น
ตัวอย่างการใช้งาน Google Analytics ได้แก่ การตรวจสอบว่าลูกค้าที่เข้ามาในร้านของคุณนั้นเดินทางเข้ามาผ่านช่องทางใดในโลกอินเตอร์เนต, ติดตามพฤติกรรมของลูกค้าบนเว็บไซต์หากพบว่าลูกค้ามักจะออกจากเว็บไซต์หลังจากที่พวกเขาเข้ามายังหน้าใดหน้าหนึ่ง ก็ควรตรวจสอบว่ามีสิ่งผิดปกติกับเนื้อหาในหน้านั้นหรือไม่หรืออาจเกิดปัญหาเรื่องความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ เป็นต้น
Google Analytics ยังสามารถช่วยคุณให้สามารถรับรู้ว่าลูกค้าประเภทใดหรือช่องทางเข้ามาไหนมีการสั่งซื้อเกิดขึ้นมากกว่า ข้อมูลนี้จะช่วยคุณในการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณได้
แน่นอน การจะใช้ Google Analytics ก็ต้องวาง Pixel ของ Google Analytics บนร้านค้าออนไลน์ของคุณ เว็บไซต์ร้านค้าจาก SHOPLINE ตอบโจทย์การทำงานที่ง่าย ไม่ซับซ้อนเพราะเราสามารถให้คุณทำเองได้อย่างง่ายดายในแผงควบคุมของ SHOPLINE ในเวลาเพียง 3 นาที! โดยที่ไม่ต้องมีความรู้เรื่องโค้ดดอ้งหรือการเขียนโปรแกรม ดูวิธีการติดตั้ง Google Analytics ในระบบ SHOPLINE ได้ที่นี่
SHOPLINE ยังมีเครื่องมือช่วยเหลือที่ครอบคลุมในแผงควบคุมผู้ดูแลระบบ ซึ่งคุณจะได้รับรายงานที่ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์กิจกรรมการซื้อขายบนไซต์ของคุณได้ง่ายๆอีกด้วย
เตือนใจข้อที่ 5 : เว็บไซต์ของคุณดูไม่น่าเชื่อถือเพียงพอสำหรับลูกค้าในการสั่งซื้อ
มีเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์มากมายที่คอยหลอกลวงให้ลูกค้าให้ข้อมูลเครดิตทางอินเทอร์เน็ต จากเหตุการณ์นี้ทำให้เราต้องสร้างเว็บไซต์ของเราให้มีความน่าความน่าเชื่อถือและสร้างความรู้สึกปลอดภัยในการซื้อสินค้าออนไลน์ให้กับลูกค้า
1. เว็บไซต์ควรมีหน้าข้อมูลร้านค้า “เกี่ยวกับเรา”
การสร้างเรื่องราวของแบรนด์ผ่านการเล่าเรื่องในหน้าเกี่ยวกับเรานั้น เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่เข็มแข็งให้กับแบรนด์ เพื่อให้ลูกค้าทราบว่ากำลังซื้อสินค้าจากใคร ทัศนคติและมุมมองของรสนิยมนั้นตรงกับตัวลูกค้าหรือไม่ และเพิ่มความมั่นใจถึงแนวทางในการทำธุรกิจที่น่าเชื่อถือ
2. สร้างเรื่องราวของแบรนด์ผ่าน Story telling
การเล่าเรื่องเป็นการชักจูงความคิดของคนอย่างนึง การที่แบรนด์หรือธุรกิจสร้างเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจ น่าเชื่อใจ ก็จะสามารถดึงดูดลูกค้าผ่านเรื่องราวเหล่านั้นได้ แบรนด์เองควรมองหาจุดแข็งแรงเรื่องราวที่มาที่สร้างแรงบันดาลใจ ทำให้เกิดแรงชักจูงที่มากพอที่จะให้ลูกค้าเลือกสนุบสนุนแบรนด์ของคุณ และยังช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้าคุณได้อย่างไม่จำกัด
3. ควรมีโลโก้ร้านที่สวยงาม
โลโก้มีจุดมุ่งหมายคือเพื่อเป็นหน้าตาของบริษัท แสดงถึงเอกลักษณ์เฉพาะและสไตล์ของแบรนด์ การจ้างนักออกแบบเพื่อสร้างโลโก้อาจมีค่าใช้จ่ายสูง แต่หากเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะโลโก้ที่ดีจะทำให้ลูกค้าจดจำคุณได้แม้การมองเห็นเพียงหนึ่งครั้ง และยังสามารถแสดงตัวตนของคุณได้อย่างชัดเจนที่สุด
4. สร้างบัญชี Facebook และโซเชียลมีเดียเพื่อร่วมโปรโมตแบรนด์อีคอมเมิร์ซของคุณ
การวิจัยพบว่า 55% ของผู้คนซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ หลังจากพบเห็นสินค้าเหล่านั้นผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ยิ่งในประเทศไทยที่มีผู้ที่ใช้งาน Facebook เป็นจำนวนมาก ในปัจจุบันลูกค้ามักจะค้นหาเพจ Facebook ของแบรนด์เพื่อดูภาพลักษณ์ของแบรนด์ก่อนเป็นอันดับแรก ดังนั้นอย่าได้ปล่อยให้ช่องทางโซชียลนั้นว่างเปล่า พยายามลงคอนเทนต์ และสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่เสมอ เพื่อเป็นช่องทางให้คนเข้ามาซื้อของในเว็บไซต์ของคุณต่อไป
5. อย่าลืมใส่ข้อมูลช่องทางการติดต่อโดยละเอียด
ลูกค้าของคุณอาจมีคำถามเกี่ยวกับรายละเอียดของสินค้า คุณควรแน่ใจว่าพวกเขาสามารถติดต่อคุณได้และได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว เว็บไซต์จาก SHOPLINE สามารถเชื่อมต่อช่องทางให้ลูกค้าตอบโต้ผ่านแชท Messenger บนหน้าเว็บไซต์ ให้คุณสามารถตรวจสอบและตอบโต้ลูกค้าของคุณผ่าน Messenger ได้อย่างรวดเร็ว แม้ลูกค้าคนนั้นจะเข้าชมผ่านเว็บไซต์ก็ตาม อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ให้ลูกค้าแชทได้ทันที เชื่อมต่อ FB Messenger เข้ากับเว็บไซต์ร้านค้า SHOPLINE แบบไม่มีค่าใช้จ่าย
เตือนใจข้อที่ 6 : หลงลืมความสำคัญของการทำ SEO
การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา (SEO) เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับลูกค้าในการค้นหาเว็บไซต์ร้านของคุณ ซึ่งถือได้ว่าเป็นกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาออนไลน์เพื่อให้เครื่องมือค้นหามีแนวโน้มที่จะแสดงร้านค้าของคุณเป็นผลลัพธ์อันดับต้นๆ ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสขายสินค้าได้มากกว่า
SHOPLINE มีระบบ SEO Friendly ที่ช่วยให้คุณตั้งค่า SEO ในเว็บไซต์คุณได้อย่างง่ายดาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่ สร้างเว็บไซต์ร้านค้าให้ค้นหาเจอง่ายๆ กับการตั้งค่า SEO ผ่าน SHOPLINE
เตือนใจข้อที่ 7 : วางเป้าหมายขอความสำเร็จให้สมดุล
สูตรความสำเร็จของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ต้องมีทั้งการเข้าชม(Traffic) x ผลลัพธ์ที่ได้มา (Conversion rate) x มูลค่าของผลลัพธ์ (Conversion value) x การรักษาไว้ซึ่งลูกค้า(Retention Value)
หากเป้าหมายไหนประสบความสำเร็จ ร้านของคุณก็มีโอกาสที่จะเติบโตได้มากยิ่งขึ้น แต่หนึ่งในข้อผอดพลาดที่มักหลงลืมไปก็คือ เขาให้ความสำคัญกับเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่งมากเกินไป จนเพิกเฉยต่อการพัฒนาโดยภาพรวม เพราะแต่ละส่วนนั้นก็มีข้อดีเป็นของตัวเองที่ร้านค้าต้องพัฒนาควบคู่กันไปเรื่อยๆ
1. การเข้าชม (traffic) – ควรเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ จากโฆษณาผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียหรือสร้างลูกค้าประจำ
2. ผลลัพธ์ที่ได้มา (Conversion rate) – ลงทุนที่ถูกต้องในการโฆษณาและเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ได้ที่ทำการสั่งซื้อ
3. มูลค่าของผลลัพธ์ (Conversion value) – วัดผลตอบแทนการลงทุนของคุณต่อคำสั่งซื้อให้มีมูลค่าที่ถูกลงและคุ้มค่า
4. การรักษาไว้ซึ่งลูกค้า(Retention Value) – ทำให้ลูกค้าติดใจในการบริการและสินค้าของคุณ จนกลับมาซื้อซ้ำเรื่อยๆ
คุณสมบัติทั้งหมดนี้เชื่อมโยงกันและเป็นสิ่งสำคัญต่อการดูแลผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า เพื่อให้เกิดธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ทำกำไรได้ และเติบโตอย่างประสบความสำเร็จในอนาคต
SHOPLINE พร้อมสนับสนุนโอกาสในการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ให้กับแม่ค้าออนไลน์ทุกคน ให้คุณเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ของคุณได้ง่ายๆ ผ่านแพลตฟอร์มเว็บไซต์ร้านค้าขายสินค้าออนไลน์สำเร็จรูป ที่คุณเริ่มต้นทำเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายๆ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมทั้งทดลองใช้งานฟรี 14 วันได้ทันทีที่ LINE : @shoplineth หรือคลิกที่นี่
แพลตฟอร์มให้บริการด้านธุรกิจออนไลน์แบบครบวงจร ทั้งเว็บไซต์ การตลาด การจัดการออร์เดอร์ เพื่อช่วยผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ เพิ่มยอดขาย และประหยัดเวลาได้มากขึ้น
เพราะเห็นช่องโหว่ในตลาดนมเปรี้ยวไทย ที่ยังขาดนมเปรี้ยวที่ทั้งอร่อย ดีต่อสุขภาพ เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่อินกับกระแสเกาหลีฟีเวอร์ Yogen จึงได้เปิดตัวสู่ท้องตลาด โดยนอกจากแพคเกจจิ้งที่น่ารัก ปุ๊กปิ๊กสไตล์เกาหลีที่ทำให้ Yogen โดดเด่นและแตกต่างจากนมเปรี้ยวทั่วไปแล้ว Yogen ยังเป็นนมเปรี้ยวที่เริ่มบุกตลาดออนไลน์ ด้วยการเปิดเว็บไซต์ของตัวเอง เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นฐานลูกค้าสำคัญ เพื่อให้ลูกค้าซื้อง่าย…
ใครอยากเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์ แต่ตัวคนเดียว SHOPLINE พร้อมเป็นเครื่องมือดีๆ ที่ช่วยคุณเริ่มต้นธรุกิจอย่างราบรื่น เราช่วยเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ได้อย่างไรบ้าง? ตามไปดูกันเลย เพราะ SHOPLINE เป็นแพลตฟอร์มที่ให้เราผู้เริ่มต้นทำธรุกิจออนไลน์สามารถใช้งานได้สำหรับการทำการตลาดและขายสินค้าใน ระยะสั้น และ ระยะยาว ตัวช่วยการเริ่มต้นธุรกิจระยะสั้น สำหรับธุรกิจที่พึ่งเริ่มต้นอาจจะขายของในโซเชียลมีเดียลเสียเป็นส่วนใหญ่…
Dandy Cosmo ธุรกิจเสื้อผ้าผู้ชายสไตล์เกาหลี แชร์วิธีขายผ่านเว็บไซต์ยังไงให้ที่ยอดขายโตไม่หยุด ขยายออฟฟิศมาแล้ว 5 ครั้งใน 3 ปี! เพราะเคยต้องเจอปัญหาสมัยเป็นนักศึกษาที่ไทย แต่หาเสื้อผ้าสไตล์เกาหลีที่คุณภาพดี ราคาไม่แพงเกินไปใส่ยากมาก คุณชิน ดงฮา ชิน…
จากความคิดที่อยากเห็นคนอ้วนทุกคน มีความสุขกับการลุกขึ้นมาแต่งตัวสวยตามสไตล์ที่ตัวเองชอบ โดยไม่ต้องใส่ใจกับคำพูดบูลลี่ของคนอื่น สู่การเปิดธุรกิจออนไลน์ไลฟ์ขายเสื้อผ้าสาวพลัสไซส์ที่ผลตอบรับดี รับออเดอร์ไม่ทัน และเคยต้องขอให้ลูกค้าหยุดเอฟของก่อน จนมาเจอตัวช่วยแม่ค้าไลฟ์ขายของออนไลน์ ที่ทำให้ยอดขายพุ่งสูงจากเดิมมากกว่า 1.5 เท่า! วันนี้ SHOPLINE ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ถึงเคล็ดลับที่ทำให้ปัญหารับออเดอร์ไม่ทันหมดไป และนำมาซึ่งยอดขายที่พุ่งทะลุในครั้งนี้กับคุณพลอย เจ้าของแบรนด์ธุรกิจเสื้อผ้าสาวพลัสไซส์ออนไลน์…
หากคุณเคยจ่ายเงินกับการซื้อโฆษณาเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าไปมากมาย แต่กลับไม่ได้กลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจตรงความต้องการของคุณ SHOPLINE อยากแนะนำกลยุทธ์ใหม่ในการทำการตลาด ที่สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่มากขึ้นและรักษาลูกค้าเก่าไว้ได้นาน และยังสามารถสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณอีกด้วย Inbound Marketing คือ การสร้างบทความหรือเนื้อหาการโฆษณา เพื่อดึงดูดกลุ่มคนที่น่าจะเป็นลูกค้าของเราให้เข้ามาหาเองผ่านความสนใจของลูกค้าที่ตรงกับแบรนด์ เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว…
“โลกออนไลน์มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแล้ว ไม่ใช่แค่แบ่งเป็นออฟไลน์กับออนไลน์ มันปฎิเสธไม่ได้แล้วว่าเส้นทางนี้ยังไงทุกคนก็ต้องเดินมา” คือคำพูดของเจ้าของธุรกิจขายของสัตว์เลี้ยง K.U. Garden ที่ได้โอกาสสานต่อธุรกิจครอบครัว และตัดสินใจบุกแพลตฟอร์มสร้างช่องทางขายออนไลน์ พลิกยอดขายให้เติบโตไปอีกขั้นจากรุ่นก่อน “เชื่อว่าตอนนี้ร้านค้าเองทุกร้านอาจจะมีหน้าร้านออนไลน์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ทุกร้านค้าแข่งกันอยู่ อยู่ที่ว่าเราจะใช้ร้านค้าทางออนไลน์ได้เต็มประสิทธิภาพมากแค่ไหน” …