หากคุณเคยจ่ายเงินกับการซื้อโฆษณาเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าไปมากมาย แต่กลับไม่ได้กลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจตรงความต้องการของคุณ SHOPLINE อยากแนะนำกลยุทธ์ใหม่ในการทำการตลาด ที่สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่มากขึ้นและรักษาลูกค้าเก่าไว้ได้นาน และยังสามารถสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณอีกด้วย

 Inbound Marketing คือ การสร้างบทความหรือเนื้อหาการโฆษณา เพื่อดึงดูดกลุ่มคนที่น่าจะเป็นลูกค้าของเราให้เข้ามาหาเองผ่านความสนใจของลูกค้าที่ตรงกับแบรนด์

เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว HubSpot ได้แนะนำให้เรารู้จักกับ “Inbound Marketing” กลยุทธ์ที่ทำให้แบรนด์สามารถดึงดูดลูกค้าด้วยเนื้อหาที่มีความรู้มากมาย เพื่อเปลี่ยนผู้ใช้ให้เป็นผู้ซื้อและยกระดับภาพลักษณ์และมูลค่าของแบรนด์

การทำการตลาดแบบ Outbound Marketing หรือการตลาดขาออกนั้นเป็นวิธีการแบบดั้งเดิมที่เช่นการปล่อยโฆษราผ่านโทรทัศน์, OOH, แมกกาซีน, ใบปลิว หรือการลงุทนในโฆษณาออนไลน์ ซึ่งเป็นการใช้งบที่สูงและอาจจะส่งไปหากลุ่มคนที่ไม่เป็นเป้าหมายของเราอย่างแท้จริง

วิธีการของ Inbound Marketing นั้นแตกต่างจากการตลาดแบบขาออก โดยแทนที่เราจะโฆษณาสินค้าของเราออกไปอย่างโจ่งแจ้งออกสู่ผู้คนจำนวนมากด้วยทุนที่สูง Inbound Marketing ถูกออกแบบมาเพื่อวิธีการตรงกันข้าม คือการที่เราสร้างโอกาสที่จะให้ลูกค้าเข้ามาหาเราเองผ่านการค้นหาของลูกค้าเอง โดยมุ่งเน้นไปที่เนื้อหาที่เกี่ยวข้อกับแบรนด์ที่ตรงกับความสนใจของลูกค้า ดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะสร้างโอกาสในการขายหรือ Conversion ให้กับแบรนด์ นอกจากนี้แบรนด์ต่างๆ ยังสามารถรวม SEO เข้ากับกลยุทธ์นี้เพื่อปรับปรุงการจัดอันดับเว็บไซต์ ในการค้นหาของเครื่องมือค้นหาได้

เปรียบเทียบวิธีการทำงานของ Inbound Marketing ภาพโดย Moz

เราอยากชวนนักการตลาดออนไลน์มือใหม่มาเรียนรู้
วิธีทำการตลาดขาเข้าหรือ  Inbound Marketing ไปพร้อมๆกัน

การทำ Inbound Marketing ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ได้แก่ ดึงดูด มีส่วนร่วม และสร้างความพึงพอใจ ในแต่ละขั้นตอนจะเป็นการรวมช่องทางต่างๆที่ใช้งานไม่ว่าจะเป็น โซเชียลมีเดีย, บล็อก, SEO, หน้าเว็บไซต์, เอกสาร และอีเมลเข้าด้วยกัน

เรามาดูในแต่ละขั้นตอนกันดีกว่าว่าวิธีการทำงานของ Inbound Marketing  นั้นเป็นอย่างไร

ดึงดูด (Attract)

การเปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์นั้นเราจะต้องเรียนรู้ก่อนว่า ตัวแทนสมมติของลูกค้าในอุดมคติของคุณเป็นคนแบบไหน สนใจเรื่องอะไร โดยการสร้างลักษณะจำเพาะของลูกค้าของคุณ (personas) เพื่อเราจะได้สร้างเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มคนเหล่านั้น นอกจากการดึงดูดเขาเข้ามาในเว็บไซต์ของเราเพื่อเรียนรู้ข้อมูลแต่ยังมีส่วนช่วยในการผลักดันคนเหล่านี้ให้ก้าวข้ามสู่ขั้นตอนการซื้อได้อีกด้วย

มีส่วนร่วม (Engage)

เมื่อขั้นตอนการดึงดูดนั้น นำพากลุ่มคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์แล้ว เป้าหมายต่อไปที่คุณต้องทำให้เกิดขึ้นคือการออกแบบประสบการณ์ในเว็บไซต์ ให้เกิดการมีส่วนร่วมยกตัวอย่างเช่น การกรอกข้อมูลติดต่อที่สร้างประโยชน์ให้กับคุณได้ แต่การที่เขาจะยอมมอบข้อมูลเหล่านี้ให้กับคุณ คุณต้องมีข้อเสนอในการแลกเปลี่ยนที่ดีพอที่จะให้เขามอบข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น eBooks, whitepapers, webinarหรืออื่นๆ ซึ่งคุณต้องมีเครื่องมือที่รวบรวมข้อมูลจากเขา ไม่ว่าะเป็นแบบฟอร์ม, หน้าเว็บไซต์ หรือโปรแกรมลงทะเบียนต่างๆ

เมื่อได้ข้อมูลลูกค้ามาแล้ว คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาจัดการและมาปรับใช้ในการทำการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาข้อมูลในเว็บไซต์ การส่งข่าวสารกระตุ้นให้รู้จักแบรนด์มากขึ้นผ่านการทำ email marketing เป็นต้น เพื่อสุดท้ายปลายทางสามารถเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผู้ซื้อให้ได้

สร้างความพึงพอใจ (Delight)

ในขั้นตอนนี้เราต้องการเปลี่ยนคนที่กลายเป็นลูกค้าของคุณแล้ว ให้กลายเป็นผู้ช่วยโปรโมทแบรนด์ของคุณ โดยเมื่อลูกค้าชอบในเนื้อหาที่คุณสร้างให้เขา เขาเองจะกลายเป็นคนที่กระจายข่าวสารนี้ออกไปผ่านโซเชียลมีเดีย, อีเมล, การแชร์สู่กลุ่มคอมมูนิตี้ต่างๆ การสร้างความพึงพอใจของเนื้อหาให้กับลูกค้านี้จะเป็นตัวช่วยขยายโอกาสในการขายได้มากขึ้น และสร้างกลุ่มลูกค้าที่สามารถบอกต่อเพื่อเพื่อโปรโมทแบรนด์ บริการ และสินค้าของคุณ รวมสร้างสร้างสรรค์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณ (user-generated content)เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้ารายใหม่ได้

ภาพโดย HubSpot

มีเครื่องอะไรบ้างใช้เครื่องมืออะไรในการทำ Inbound Marketing

เป้าหมายของ Inbound Marketing คือการเชื่อมต่อความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งหมายความว่าไม่ใช่การกระทำที่จะสำเร็จได้เพียงครั้งเดียว แต่เป็นการใช้เวลาในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ

ในเนื้อหาต่อไปนี้ เราจะมาแนะนำสิ่งสำคัญในการสร้างเนื้อหาเพื่อที่จะให้เกิด Inbound Marketing หลายๆคนอาจคิดว่า Inbound Marketing นั้นมีความคล้ายกับ Content Marketing แต่ในความเข้าใจของเรา เราคิดว่า Content Marketing นั้นเป็นส่วนหนึ่งในการทำ Inbound Marketing เท่านั้นเพราะแท้จริงแล้วนั้น Inbound Marketing  เกี่ยวเนื่องกับการเลือกใช้เครื่องมือ, การออกแบบขั้นตอน, แนวคิดวิเคราะหื และเทคโนโลยีอื่นๆที่ต้องนำมาปรับใช้อีกที

การเขียนบทความ (Blog)

การเขียนบทความเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งสำหรับแบรนด์ ในการเล่าเรื่องราวและอธิบายคุณลักษณะของสินค้าของแบรนด์ การเขียนบทความยังเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการสร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการแชร์บทความในโซเชียลมีเดีย หรือการแสดงความเห็นต่างๆอีกด้วย ดังนั้นการวางแผนในการโพสต์บทความและการกระจายการมองเห็นตึงเป็นจุดที่คุณควรนึกถึงอีกด้วย

การตลาดโซเชียลมีเดีย (Social Media Marketing)

ปัจจุบันเมื่อผู้คนต้องการค้นหาหรือทำความรู้จักกับแบรนด์ ก็มักจะไปที่ Facebook หรือ Instagram ของแบรนด์เพื่อดูข้อมูลเป็นหลัก โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางสำคัญในการเชื่อมต่อแบรนด์กับผู้ชม โดยแบรนด์สามารถแชร์ข่าวสารล่าสุด โปรโมทโปรโมชั่นและบริการหรือผลิตภัณฑ์ สร้างโพสต์ที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาเข้าชม ซึ่งเป็นวิธีที่สำคัญในช่วงเริ่มแรกของการทำ Inbound Marketing ที่แบรนด์สามารถเริ่มต้นทำได้ง่าย

การทำการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหา (SEO)

ความแตกต่างระหว่าง SEO และ Inbound Marketing  ก็เหมือนกับความแตกต่างระหว่างบ้านและโครงสร้างรากฐานของมัน SEO มีความสำคัญอย่างยิ่งในผนวกรวมเข้ากับกลยุทธ์ของ Inbound Marketing  เพราะ SEO เป็นการสร้างให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏมากขึ้นในการจัดอันดับใน Google และสามารถนำผู้คนมาที่เว็บไซต์ของคุณได้

การรวมรวบข้อมูลลูกค้า (Lead Generation)

หลังจากเราใช้เครื่องมือต่างๆในการดึงดูดลูกค้าให้ค้นพบธุรกิจของคุณและได้รับข้อมูลที่มีคุณค่าผ่านช่องทางการตลาดของคุณแล้ว คุณในฐานะเจ้าของธุรกิจก็มักหวังว่าจะได้รับสิ่งตอบแทนจากการลงแรงเหล่านั้น

โดยวิธีการคือการสร้าง ปุ่มคำกระตุ้นการตัดสินใจ (Call-to-action/CTA) เช่น คลิกเลย, สมัครเลย, เรียนรู้เพิ่มเติม ไว้ในเนื้อหาของคุณไม่ว่าจะเป็นจากบทความหรือโพสต์โซเชียลมีเดีย เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้ามอบข้อมูลที่ต้องการให้กับเรา หรือพากลุ่มคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้าไปสู่หน้า Landing Page พร้อมแบบฟอร์ม

HubSpot ระบุว่า “CTA จะนำลูกค้าของคุณไปยังหน้า Landing Page ซึ่งเป็นหน้าเว็บที่ออกแบบมาเพื่อรวบรวมข้อมูลลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อแลกเปลี่ยนกับข้อเสนอ ซึ่งข้อเสนอคือเนื้อหาหรือสิ่งมีค่าแก้ลูกค้าที่คุณนำเสนอในหน้า Landing Page เช่น ebook โฆษณาหลักสูตร เป็นต้น โดยข้อเสนอจะต้องมีคุณค่าและมูลค่าเพียงพอต่อผู้ชมในการแลกข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขา แลกกับการเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้น และเมื่อพวกเขากรอกแบบฟอร์มในหน้า Landing Page คุณก็จะมีโอกาสในการเสนอขายเพิ่มขึ้นด้วย”

ภาพแผนผังแสดงการใช้เครื่องมือต่างๆเพื่อให้เกิด Conversion ในการทำการตลาดแบบ Inbound Marketing  ภาพโดย HubSpot

การตลาดอีเมล (Email Marketing)

อีเมลสามารถใช้ได้ทั้งใน Inbound Marketing และ Outbound Marketing ความแตกต่างอยู่ที่ว่าผู้คนเต็มใจให้อีเมลกับคุณหรือไม่ เมื่อคุณได้รับข้อมูลของลูกค้ามาแล้ว การออกแบบประสบการณ์ในแต่ละเนื้อหาอีเมลเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของกลุ่มลูกค้านั้นๆก็เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นคุณควรจัดประเภทของลูกค้าที่เข้ามาหาคุณ เพื่อส่งอีเมลไปตอบสนองความต้องการเฉพาะของพวกเขา

ประโยชน์ของ Inbound Marketing ที่ช่วยให้แบรนด์ของคุณเติบโตขึ้น

1.เพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์และปรับปรุงอัตรา conversion

การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพจะช่วยยกระดับแบรนด์ของคุณทางออนไลน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านความน่าเชื่อถือ เรื่องราวอันน่าประทับใจของแบรนด์ หรือการแสดงรายละเอียดของสินค้าคุณ และยังสามารถช่วยให้คุณกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนั้นๆ โดยจากรายงานของ Custom Content Council พบว่า 61% ของผู้คนมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่ส่งมอบเนื้อหาความรู้ที่มีคุณค่าให้กับพวกเขา

2.ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการโฆษณาออนไลน์ให้ดียิ่งขึ้น

การตลาดแบบดั้งเดิม เช่น โฆษณาสิ่งพิมพ์ โฆษณาทางโทรทัศน์ ฯลฯ อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ส่วนการตลาดออนไลน์ เช่น โฆษณาบน Google, โฆษณา Facebook และอื่นๆ อาจใช้เวลานานและมีประสิทธิภาพน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากคู่แข่งที่มากขึ้นในทุกๆปี

การทำ Inbound Marketing ไม่ว่าจะเป็น บทความ, SEO,  คอนเทนต์ในโซเชียลมีเดียใหม่ๆ จะช่วยให้คุณดึงดูดกลุ่มคนที่เป็นลูกค้าของคุณได้ง่ายขึ้น และเป็นส่วนช่วยในการพัฒนาปรับปรุงการตลาดออนไลน์ให้มีความทันสมัยและเข้ากับความต้องการของตลาดอยู่เสมอ

3.มีโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มผู้ชมซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ

Inbound Marketing นั้นเป็นขั้นตอนการทำงานทางออนไลน์แทบทั้งหมด ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงผู้ชมใหม่ๆ และกระจายการเข้าถึงได้ง่าย โดยใช้การออกแบบแคมเปญเนื้อหาประเภทต่างๆ มีการกำหนดเป้าหมายมากที่แตกต่างและชัดเจน เข้าถึงกลุ่มผู้ชมใหม่ๆที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสในการพบลูกค้าที่สนใจสินค้าหรือบริการของคุณอยู่ในกลุ่มนั้น

SHOPLINE พร้อมสนับสนุนโอกาสในการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ให้กับแม่ค้าออนไลน์ทุกคน ให้คุณเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ของคุณได้ง่ายๆ ผ่านแพลตฟอร์มเว็บไซต์ร้านค้าขายสินค้าออนไลน์สำเร็จรูป หรือตัวช่วยขายผ่านโซเชียลมีเดีย ที่คอยสนุบสนุนการทำการตลาดของคุณให้ก้าวไปข้างหน้า

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมทั้งทดลองใช้งานฟรี 14 วันได้ทันทีที่ LINE : @shoplineth หรือคลิกที่นี่


Copyright: SHOPLINE มีการรักษาลิขสิทธิ์ของแต่ละบทความ สำหรับการใช้อ้างอิงใดๆ ใบเสนอราคา รีโพสต์และอื่น ๆ ต้องได้รับอนุญาตจาก SHOPLINE

Facebook Plugins