สรุปบทความ

ภาพถ่ายมีความสำคัญมากในการขายสินค้าออนไลน์ เพราะเป็นช่องทางแรกที่ลูกค้าจะได้เห็นสินค้าของเรา ดังนั้นรูปภาพสินค้าที่มีคุณภาพนั้นเป็นสิ่งที่แม่ค้าออนไลน์ควรให้ความสำคัญ ซึ่งจะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเมื่อเข้ามาดูเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของเรา

 

แต่แม่ค้าที่มีเพียงแค่โทรศัพท์มือถือล่ะ? จะสามารถถ่ายภาพสินค้าที่มีคุณภาพได้หรือไม่ SHOPLINE อยากมาแชร์เคล็ดลับดีๆที่คุณสามารถเรียนรู้เพื่อให้คุณนำไปถ่ายภาพสินค้าให้สวยงาม เพื่อยกระดับแบรนด์ของคุณให้ดีขึ้นอีกขั้น

เทคนิคที่ 1. ตั้งค่ากล้องของสมาร์ทโฟนให้ดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องมือ

ก่อนถ่ายภาพควรเช็กให้แน่ใจว่าคุณได้ตั้งค่ากล้องในโทรศัพท์มือถือของคุณให้เสามารถเก็บภาพที่ดีที่สุดได้ โดยสิ่งสำคัญที่คุณควรคำนึงถึงเมื่อตั้งค่าการถ่ายภาพคือ:

  • ปรับค่าความละเอียดของกล้องให้สูงที่สุด และเช็กให้แน่ใจว่าภาพมีความคมชัด
  • เปิดโหมดกันสั่น เพื่อหลีกเลี่ยงการถ่ายภาพเบลอ
  • เปิดโหมด Auto Focus เพื่อให้ระบบของโทรศัพท์ช่วยประหยัดเวลาในการตั้งค่าการถ่ายภาพด้วยตนเอง
  • อย่าลืมเปิดโหมด HDR (High Dynamic Range) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของภาพที่ดีที่สุด
  • เปิดโหมด Grid หรือเส้นตารางบนสมาร์ทโฟนของคุณ เพื่อดูหลักเกณฑ์การจัดองค์ประกอบของภาพ

เทคนิคที่ 2 จัดฉากเพิ่มพร๊อพถ่ายภาพให้สวยงามและเข้ากับสไตล์สินค้าของคุณ

ฉากหลังและการตกแต่งบรรยากาศของภาพช่วยเล่าเรื่องสินค้าของคุณให้มีเรื่องราว และเพิ่มกลิ่นอายของแบรนด์คุณให้เด่นชัดยิ่งขึ้น การตกแต่งฉากหลังที่จะใช้เพื่อถ่ายภาพสินค้าก็มีความสำคัญเช่นกัน ซึ่งเคล็ดลับในการจัดฉากก็คือ…

พื้นหลัง : สีพื้นหลังสีขาวหรือสีเทาช่วยให้สินค้าของคุณโดดเด่นออกมาได้ เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย คุณสามารถซื้อแผ่นภาพฉากถ่ายรูปจากร้านค้าออนไลน์ ซึ่งเป็นฉากที่ไม่สะท้อนแสง หรือทำฉากเองแบบ DIY ด้วยกระดาษที่มีพื้นผิวและสีสันเป็นของตัวเอง เช่น กระดาษสาลายดอกไม้ เพื่อเพิ่มสไตล์และบุคลิกภาพให้กับสินค้า

การจัดแสง : แสงธรรมชาติเป็นแสงที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพสินค้าโดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์จัดแสงอื่นๆ นอกจากนี้ผลลัพธ์ของภาพที่ถ่ายด้วยแสงจากธรรมชาติยังมีไดนามิกมากกว่าแสงจากโคมไฟ สามารถนำแผ่นโฟมมาช่วยสะท้อนแสงเข้าไปในมุมมืด ช่วยให้สินค้าโดดเด่นมากยิ่งขึ้น แต่หากคุณมีอุปกรณ์การจัดแสง เช่น โคมไฟและแผงไฟ คุณก็สามารถใช้เพื่อเพิ่มให้แสงสว่างภายนอกได้ แสงที่ห้ามคือแสงจากหลอดไฟบ้าน ไฟฉาย

การตกแต่ง: หากสินค้าของคุณดูเรียบเกินไป ก็อาจเพิ่มการจัดของตกแต่งบางอย่างเพื่อประกอบลงในรูปภาพสินค้าได้ แต่ระวังอย่าให้มากเกินไปจนดูรกตา ลองเลือกพร๊อพที่เข้ากับสินค้า เช่น ถ้าขายครีมกันแดดลองเลือกปูพื้นด้วยผ้าปูสไตล์ชายหาด มีแว่นกันแดดวางประกอบ และเลือกฉากหลังวิวทะเล

หมายเหตุ: การตั้งค่าการถ่ายภาพด้วยตนเองมีข้อจำกัด เช่น การถ่ายภาพสินค้าที่สะท้อนแสงหรือโปร่งใส ควรใช้สตูดิโอถ่ายภาพที่จัดแสงได้หลายรูปแบบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 

เทคนิคที่ 3 การจัดองค์ประกอบและมุมในการถ่ายภาพ

การจัดองค์ประกอบภาพ

สิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะกำหนดความน่าสนใจของภาพถ่าย หลายคนอาจจะคิดว่าเรื่องเหล่านี้ต้องเรียนรู้ยาก แต่การถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือถือนั้นมีทฤษฏีที่จะช่วยให้การถ่ายภาพง่ายยิ่งขึ้น

“Rule of thirds” หรือ “กฎ 3 ส่วน” เป็นอีกวิธีที่เข้าใจง่ายในการสร้างองค์ประกอบการถ่ายภาพด้วยมือถือ เพราะโทรศัพท์นั้นสามารถเปิดโหมด Grid หรือเส้นตารางไว้ และใช้กฎนี้เพื่อแบ่งรูปภาพของคุณออกเป็น 3 ส่วน ทั้งแนวตั้งหรือแนวนอน และเลือกวางจุดเด่นหรือสินค้าของคุณไว้ในจุดตัดระหว่างเส้น ในส่วนกลางพื้นที่สองในสาม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ดึงดูดความสนใจได้มากที่สุดเมื่อผู้คนเห็นภาพถ่ายเป็นครั้งแรก ที่ของเหตุผลนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับการอ่านหนังสือที่คนเรามักจะเริ่มอ่านจากด้านซ้ายไปขวา คุณควรวางหัวเรื่องหรือโลโก้ของแบรนด์ไปอีกทิศทางตรงข้ามกับสินค้าของคุณ เพื่อเน้นจุดสนใจและให้เห็นแบรนด์หรือ Call to actionให้ชัดเจนขึ้น ตัวอย่าง:

มุม

ในร้านค้าหน้าร้านทั่วไปลูกค้าจะสามารถเดินไปรอบๆ ร้านเพื่อชมสินค้า หยิบจับหรือพลิกดูสินค้าไปมาได้ ขณะที่ร้านค้าบนเว็บไซต์มีข้อจำกัดให้ลูกค้าสามารถเห็นเฉพาะภาพที่คุณนำเสนอเท่านั้น ดังนั้น ภาพถ่ายสินค้าคุณภาพสูงที่ถ่ายจากหลายๆ มุม จะช่วยให้ลูกค้าเห็นรายละเอียดมากขึ้นและสามารถจูงใจให้เกิดการซื้อสินค้าได้เป็นอย่างดี

เทคนิคในการจัดมุมภาพถ่ายสินค้า

1.ใช้โหมดแนวตั้งเพื่อดึงความสนใจไปที่ตัวสินค้าจากพื้นหลัง

2.ใช้สีพื้นหลังที่ดูตัดกันเพื่อดึงให้สินค้าในภาพถ่ายโดดเด่นออกมา

3. ถ่ายสินค้าในหลากหลายมุมมองเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นสินค้าโดนละเอียด

4. พยายามหลีกเลี่ยงการถ่ายภาพเบลอ เพื่อลดลองรายละเอียดของสินค้า

 

เทคนิคที่ 4 การแก้ไข ปรับแต่ง รูปภาพสินค้า

มีแอปพลิเคชันตัดต่อ รีทัช หรือแก้ไข ปรับแต่ง ภาพมากมายที่ให้คุณสามารถโหลดออนไลน์ได้ใช้ฟรี พร้อมฟีเจอร์มากมายที่ให้คุณสามารถเรียนรู้เองได้โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านกราฟฟิกดีไซน์ โหมดที่คุณควรเรียนรู้ในการปรับภาพคือ การปรับระดับแสงให้ภาพ ความคอนทราสต์ สมดุล โทนสี เป็นต้น ซึ่งจะไม่ไปกระทบกับระดับความละเอียดของภาพแต่จะช่วยให้ภาพมีรายละเอียดที่ดียิ่งขึ้น หากคุณกำลังใช้ฟิลเตอร์กับรูปภาพสินค้าอย่าลืมลดเอฟเฟกต์เป็น 30-60% เพื่อป้องกันไม่ให้รูปภาพถูกแก้ไขมากเกินไปจนสีดูเพี้ยนเกินความเป็นจริงหรือความละเอียดลดลง

ปรับคอนทราสต์/ความสว่าง(Contrast/Brightness): แสงเป็นองค์ประกอบหลักในการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านรูปภาพของคุณ ภาพที่มีคอนทราสต์หรือความสว่างสูงจะดูโดดเด้งออกมา ทั้งสองส่วนนี้ต้องปรับไปพร้อมๆกันเพื่อความสมดุล ภาพที่ได้จะสามารถมองเห็นพื้นผิวได้ชัดเจน จะให้ความรู้สึกมีพลังและแข็งแกร่ง

[Source: https://photoshoproadmap.com/better-brightness-and-contrast-in-photoshop-cs3/]

 

ความคมชัด(Sharpness): คือความชัดเจนโดยรวมของภาพทั้งในแง่ของโฟกัสและคอนทราสต์ เมื่อวัตถุของภาพมีความคมชัด ภาพก็จะดูชัดเจนและเหมือนจริงด้วยรายละเอียดที่มากขึ้น

[Source:http://vuing.com/fascinating-macro-photographs-of-snails-world/]

 

ความอิ่มตัวของสี(Saturation) : ช่วยอธิบายความเข้มของสีในภาพ การปรับภาพให้มีความอิ่มตัวของสีสูงมักจะทำให้ภาพมีสีที่ดูสดใสมากขึ้น ซึ่งผู้ที่ปรับแต่งต้องระวังการเพี้ยนของสีสินค้า

[Source:https://expertphotography.com/vibrance-vs-saturation-photography/]

 

การปรับสมดุลแสง(White Balance): คือกระบวนการลบสีสันในภาพเพื่อปรับให้ตรงกับภาพที่ตาเราเห็นเมื่อดูด้วยตาจริง ช่วยให้ภาพสมจริงมากยิ่งขึ้น

 

เทคนิคง่ายๆที่เหล่านี้ แม่ค้าออนไลน์สามารถนำไปปรับใช้ในการถ่ายภาพสินค้าเพื่อลงในเว็บไซต์ร้านค้าได้ เพื่อให้ได้ลูกค้าได้เห็นภาพที่ชัดเจนและมีสไตล์ ช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้น  SHOPLINE พร้อมมอบความรู้และเป็นตัวช่วยดีๆในการเริ่มต้นขายสินค้าออนไลน์

 

 


Copyright: SHOPLINE มีการรักษาลิขสิทธิ์ของแต่ละบทความ สำหรับการใช้อ้างอิงใดๆ ใบเสนอราคา รีโพสต์และอื่น ๆ ต้องได้รับอนุญาตจาก SHOPLINE

Facebook Plugins